เป็นราชวงศ์ที่ทรงอำนาจทางการทหารแต่มีระยะเวลาการปกครองที่ค่อนข้างสั้น สถาปนาขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 581 ภายหลังจากยุคสามก๊ก โดยจักรพรรดิสุยเหวินตี้(หยางเจียน) อดีตแม่ทัพแห่งราชวงศ์โจวเหนือ โดยในรัชกาลของพระองค์ทรงสามารถรวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้ง แต่ราชวงศ์สุยมีอันต้องล่มสลายลงในปี ค.ศ. 617 ในรัชกาลจักรพรรดิสุยหยางตี้(หยางกว่าง)
การสถาปนาและสร้างจักรวรรดิ- เมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ฮั่น จีนได้แตกแยกยาวนานกว่า 400 ปี
- ภาคเหนือและภาคใต้มีราชวงศ์หลายราชวงศ์ปกครอง
- ตระกูลชั้นสูงทรงอำนาจมาก
- ในปี ค.ศ. 589 ราชวงศ์สุยสามารถรวบรวมจักรวรรดิจีนได้ โดยมีฉางอันเป็นเหมืองหลวง
- สมัยสุยเตอร์กแตกออกเป็น 2 กลุ่มได้แก่
o เตอร์กตะวัน ครอบคลุม ภาคเหนือ แมนจูเลียถึงมณฑลกานสู
o เตอร์กตะวันตก ครอบคลุมแอ่งทามรีม ถึงเอเชียกลาง
- มีการจัดตั้งนิคมทหารประจำถิ่นตามจุดยุทธศาสตร์
- ทหารเป็นสามัญชนชาวนา และต้องยังชีพตนเองด้วยการทำนา
- มีการจัดเวรปฏิบัติหน้าที่ประจำปี
- การจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพสามารถบำรุงการทหารให้เข็มแข็งได้
- จัดระบบปกครองตามคติขงจื้อ
- แผ่ขยายครอบคลุมเอเชียกลาง อาณาจักรของพวกเตอร์ก เวียดนามเหนือ จามใต้
- ส่งคณะทูตไปปาเล็มบัง
เศรษฐกิจ
- ปัญหา-สืบเนื่องจากราชวงศ์ฮั่น
o ปัญหาที่ดิน แรงงาน ภาษี
o ชาวนาตกเป็นทาสติดที่ดินของตระกูลชั้นสูง
o ชาวนาอยู่ในความครอบครองของตระกูลยิ่งใหญ่
o การบุกเบิกที่ดินทำกินเพิ่มเติมในหุบเขาแยงชี
การจัดการทรัพยากรในแผ่นดิน
- จัดสรรทรัพยากรที่ดินให้เท่าเทียมกัน
- จัดทำสำมโนครัวใหม่
- สำรวจประชากรและที่ดิน
- เรียกเกณฑ์แรงงานและแรงงานทหาร
หลักการจัดสรรที่ดิน
- ชายฉกรรจ์ที่จะต้องเสียภาษีแก่รัฐจะได้รับที่ดินจนอายุ 60 ปี
- ที่ดินที่ปลูกม่อน ปลูกพืชเพื่อการค้า อนุญาตให้ถือถึงลูกหลานได้
- พระบรมวงศ์ศานุวงศ์ ข้าราชวการ หน่วยงานราชการ พุทธจักร ครอบครองที่ดินได้
- ประเภทของที่ดิน
o ที่ดินที่ให้ข้าราชการหรือราษฎรเป็นผู้ทำประโยชน์แก่รัฐ ถือเป็น “นาหลวง”
o ที่ดินที่ให้ตระกูลชั้นสูงตามตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่ให้ถือครองเกิน 1,370 โหมว
o ที่ดินที่ให้ราชการไม่เรียกคืน
o มีการจัดทำทะเบียนที่ดินและสำรวจสำมะโนอย่างสม่ำเสมอ
การคมนาคม
ในปี ค.ศ. 611 มีการขุดครองหลวง เป็นระบบครองที่มีเครือข่ายเพื่อเชื่อมต่อกันทั้งจักรวรรดิจากภาคใต้ถึงภาคเหนือ เมืองโลหยางถึงเมืองฉางอัน ตามเส้นทางที่มีการตั้งยุ้งฉางหลวงเพื่อเก็บและจำหน่ายจ่ายแจก
การค้าขาย- มีการผลิตสินค้าและบริการตามความชำนาญ
- การประกอบการ การผลิต การค้าขายของเอกชนเติบโต
- เกิดตลาดการเงิน ใช้เงินตราเป็นเครื่องแลกเปลี่ยน
- ตลาดการค้ามีลูกค้าจำกัดอยู่เฉพาะตระกูลชั้นสูง ข้าราชการ ราชสำนัก พระราชวงศ์
- สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทฟุ่มเฟือย
- สินค้าและบริการราคาสูงเกินวิสัยที่ชาวนาจะซื้อได้
- ราชวงศ์และรัฐต่างรังเกียจอาชีพค้าขาย จึงไม่สนับสนุนให้การค้าเจริญ
- พ่อค้าที่มั่งคั่งไม่ค่อยพอใจในอาชีพของตน แต่พอใจที่จะใช้เงินตราไปซื้อที่ดินเพื่อการลงทุนเพื่อสร้างตนเองเป็นชนชั้นเจ้าของที่ดิน
การปกครอง
- ใช้การปกครองแบบรวมอำนาจทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
- ยึดถือลัทธิขงจื๊อเป็นหลักการปกครอง
- จัดตั้งกระทรวงขึ้น 6 กระทรวง ได้แก่
1. กระทรวงบริหารบุคลากร 2. กระทรวงการคลัง 3. กระทรวงยุทธนาธิการ
4. กระทรวงพระราชพิธี 5. กระทรวงยุติธรรม 6. กระทรวงโยธาธิการ
- นอกจากกระทรวงยังมีการจัดตั้งหน่วยงานประเภทคณะอีก ได้แก่
1. คณะกรรมการบริหาร
2. คณะกรรมการศาล
3. คณะอำนวยการ
4. คณะที่ปรึกษาส่วนพระองค์
5. หน่วยตรวจราชการและข้าราชการ
- ใช้กฎหมายที่มีบทบัญญัติ 500 มาตรา
- ในส่วนภูมิภาคยุบเลิกระบบแบ่งพื้นที่การปกครองเป็นพื้นที่บัญชาการทหาร
- จัดแบ่งจักรวรรดิเป็นจังหวัด อำเภอ
- ข้าราชการส่วนภูมิภาคระดับจังหวัด-อำเภอมิให้มาจากชนชั้นสูงในท้องถิ่น ส่วนกลางเป็นผู้แต่งตั้ง
- ข้าราชการใช้ระบบสอบไล่คัดเลือก
ภูมิปัญญา
ในสมัยสุยปัญญาชนหันมาศึกษานิการต่างๆ ดังนี้
- 1) เต๋า- แสวหาความวิเวก, เชื่อในภพหน้า, กฎแห่งกรรม, ผสมผสานระหว่างเทพยดา-ฟ้าดิน-ไสยศาสตร์, สนใจการเล่นแร่แปรธาตุ, สรีรศาสตร์
- 2) ศาสนาพุทธ
- ขยายมาจากดินแดนโอเอชิสในเอเชียกลาง
- ลัทธิที่เข้ามาเป็นนิกายมหายาน ผ่านช่องแคบทารีมมาตามเส้นทางสายไหม เอเชียกลาง ทิเบต และมองโกเลีย อีกเส้นทางมาทางทะเลจีนใต้โดยพวกพ่อค้าและคณะสงฆ์
- ศูนย์กลางพระพุทธศาสนา คือเมืองโลหยาง
- การนับถือพระพุทธศาสนาของจีนยึดติดกับการบูชาพระพุทธรูป การผลิตยาอายุวัฒน
- การฝึกให้อายุยืนยาว การเหาะเหินเดินอากาศ การแสดงอิทธิปาฏิหาริย์
- ศาสนาพุทธมีลักษณะท้าทายอารยธรรมจีนจากคติไตรลักษณ์ อริยสัจ 4 การนิพพาน
- ในศตวรรษที่ 1 -2 เกิดการแบ่งแยกนิกายเป็น 2 นิกาย คือ
1) นิกายเถรวาทหรือหีนยาน ความหลุดพ้นมีทางเดียว คือหนทางแห่งการไปสู่นิพพาน
2) นิกายอาจาริยวาทหรือมหายาน
o นับถือพระโพธิสัตว์จะคอยช่วยเหลือมนุษย์ให้หลุดพ้นบรรลุมรรคผล
o พระโพธิสัตว์ คือผู้เสด็จมาโปรดสัตว์
o อ้างพระพุทธวัจนะ (เราจะเป็นผู้ช่วยเหลือสัตว์ทั้งปวง)
o ชาวพุทธที่ดีคือผู้ที่จะเป็นพระโพธิสัตว์
o พระโพธิสัตว์ที่ทรงมีบทบาทมากได้แก่ พระอมิตภะ พระโคดม พระอวโลกิเตศวร พระอวโลกิเตศวร
o นิกายมหายานเชื่อว่า เมื่อสิ้นศาสนาพระโคดมแล้ว ในคราวที่มนุษย์มีอายุยืน 80,0000 ปีข้างหน้า ย่อมมีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่อุบัติขึ้น ทรงมีพระนามว่า “พระศรีอริยเมตไตรย”
วาระสุดท้ายราชวงศ์สุย
- สังคมจีนถือหลักการสืบต่อทรัพย์มรดกแบบแบ่งเท่ากัน ผู้ถือครองจะมีที่ดินถือครองเล็กลง
- ความยากจนบีบบังคับให้คนยากจนต้องสละที่ดิน
- ตระกูลชั้นสูงกลับมีที่ดินมากขึ้น ชำระภาษีน้อย
- การจัดเก็บภาษีมีความสลับชับซ้อนมากเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ทุจริตง่าย
- การแบ่งที่ดินไม่ทั่วถึงทั้งแผ่นดิน เกิดความล้มเหลวในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชน
- ถูกท้าทายจากอำนาจชนชั้นสูงและพุทธจักร
- ราชวงศ์เรียกเกณฑ์แรงงานมาก เกิดความไม่พอใจในกลุ่มแรงงานจนทวีความรุนแรงขึ้น จนชาวนาลุกฮือขึ้น ก่อกบฏ ชนชั้นสูงจึงถือโอกาสแข็งเมืองตั้งตนเป็นอิสระ เตอร์กก็เข้าบุก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น